ยากระตุ้นความอยากอาหารสำหรับแมว – เมื่อแมวไม่ยอมกิน
ยากระตุ้นความอยากอาหารสำหรับแมว – เมื่อแมวไม่ยอมกิน

วีดีโอ: ยากระตุ้นความอยากอาหารสำหรับแมว – เมื่อแมวไม่ยอมกิน

วีดีโอ: ยากระตุ้นความอยากอาหารสำหรับแมว – เมื่อแมวไม่ยอมกิน
วีดีโอ: แมวไม่กินอาหาร ทำไงดี!!! 2024, พฤศจิกายน
Anonim

เมื่อผู้ป่วยแมวรายหนึ่งของฉันไม่กินอาหาร ฉันจะพยายามหาสาเหตุให้ได้ก่อน การระบุสาเหตุโดยตรง (เมื่อเป็นไปได้) เป็นสิ่งสำคัญหากเราต้องการให้แมวกินอาหารในระยะยาว แต่บางครั้ง การแก้ไขปัญหาหลักอาจใช้เวลาพอสมควร ในกรณีเหล่านี้ เราจำเป็นต้องมีโปรแกรมแก้ไขเพื่อให้เราอยู่ในเส้นทางแห่งการฟื้นฟู

การแก้ปัญหาอาจจะง่ายพอๆ กับการลดอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคหลักของแมว หากแมวเจ็บ การปรับปรุงการควบคุมความเจ็บปวดอาจช่วยได้ อย่างน้อยก็สามารถควบคุมอาการคลื่นไส้ได้บางส่วนด้วยยา แมวบางตัวจะไม่ชอบอาหารเมื่อรู้สึกไม่สบาย ราวกับว่าพวกเขาเชื่อว่าอาหารที่กินเมื่อป่วยเป็นสาเหตุของอาการ (ไม่ใช่การสันนิษฐานที่ไร้เหตุผลเมื่อคุณไม่ได้อยู่ห่างไกลจากบรรพบุรุษที่ดุร้าย) ลองเสนออาหารที่แตกต่างกันสองสามอย่าง (เปียก อาหารแห้ง และรสชาติต่างๆ) การอุ่นอาหารและการให้อาหารด้วยมือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน

หากวิธีนี้ไม่ได้ผล และแมวไม่เหมาะเพียงสองสามวัน ต่อไปฉันจะลองใช้ยาที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร Diazepam (Valium) และยา midazolam ที่เกี่ยวข้องถูกนำมาใช้ในบทบาทนี้ แต่พวกเขาไม่ได้รับความนิยม อย่างดีที่สุด แมวมักจะกินอาหารไม่กี่คำแต่ก็ง่วงมากจนหยุดกิน Diazepam ยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้เกิดโรคตับในแมวบางตัว ยา mirtazapine และ cyproheptadine เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า การฝังเข็ม/จุดกดจุดที่อยู่ด้านบนของจมูก ตรงกึ่งกลางที่เนื้อเยื่อที่มีผมและผมไม่มีขนมาบรรจบกันก็คุ้มค่าที่จะลองดู

ยากระตุ้นความอยากอาหารไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเมื่อแมวกินอาหารได้ไม่ดีเป็นเวลามากกว่าสองสามวัน ขณะที่เรารอดูว่าจะมีประสิทธิภาพเพียงใด แมวอาจยังคงได้รับแคลอรีไม่เพียงพอ ซึ่งน่าจะเป็นการเริ่มต้นหรือทำให้ไขมันในตับแย่ลง ในกรณีเหล่านี้ ขอแนะนำอย่างยิ่งให้วางหลอดอาหาร (หลอดอาหาร) หลอดอีง่ายต่อการใส่ ทำให้สามารถป้อนอาหารกระป๋องได้ (เมื่อเทียบกับอาหารปรุงพิเศษ) และการบริหารยา มีภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อย และแมวก็ไม่ได้ใส่ใจมากเกินไป หากสัตวแพทย์ได้รับการแนะนำเร็วกว่าและเจ้าของอนุญาตให้วางหลอด E ได้เร็วกว่า เราจะเห็นกรณีของไขมันในตับน้อยลงมากและช่วยชีวิตคนจำนวนมากได้

ภาพ
ภาพ

ดร.เจนนิเฟอร์ โคทส์