โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งสุนัข - โภชนาการนักเก็ตสุนัข
โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งสุนัข - โภชนาการนักเก็ตสุนัข

วีดีโอ: โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งสุนัข - โภชนาการนักเก็ตสุนัข

วีดีโอ: โภชนาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งสุนัข - โภชนาการนักเก็ตสุนัข
วีดีโอ: VPN Podcast EP.9 - โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับสุนัขและแมวโรคไต 2024, อาจ
Anonim

คาร์โบไฮเดรตต่ำ: น้ำตาลอย่างง่ายที่มีอยู่ในแหล่งคาร์โบไฮเดรตจำนวนมากเป็นแหล่งพลังงานที่ต้องการสำหรับเซลล์มะเร็ง ในทางกลับกัน สุนัขสามารถรับแคลอรีจากไขมันและโปรตีนได้

โปรตีนคุณภาพสูง: สุนัขที่เป็นมะเร็งมักจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียกล้ามเนื้อและไขมันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะที่มีชื่อเรียกว่า cachexia การกินโปรตีนคุณภาพสูงจำนวนมากสามารถช่วยต่อสู้กับ cachexia ได้ กรดอะมิโนอาร์จินีนยังมีบทบาทสำคัญในความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง

มีไขมันสูง: ไขมันเป็นส่วนผสมที่มีแคลอรีสูงที่สุดที่สามารถรวมอยู่ในอาหารของสุนัขและยังช่วยให้อาหารมีรสชาติที่ดี หากความอยากอาหารของสุนัขไม่เท่าที่เคย การเพิ่มความอร่อยของอาหารและปริมาณแคลอรี่ของการกัดทุกครั้งเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้ กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขต่อสู้กับโรคมะเร็งได้อีกด้วย น้ำมันปลาและน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดี

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าแม้ "อาหารที่เป็นมะเร็ง" ที่ดีที่สุดจะไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อสุนัขถ้าเขาไม่กินมัน เพื่อส่งเสริมให้สุนัขของคุณกินต่อไป:

  • อย่าผสมยากับอาหารเพราะมักมีกลิ่นและ/หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ หากคุณต้องการซ่อนเม็ดยาในอาหาร ให้ใช้สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัสจากแหล่งอาหารหลักของเขา การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการฉีดของยาสุนัขของคุณก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
  • ให้มื้ออาหารเป็นบวก อย่าทำอะไรที่ไม่น่าพอใจสำหรับสุนัขของคุณ เช่น เปลี่ยนผ้าพันแผลในขณะที่มันกำลังกิน
  • ลองอุ่นอาหารสุนัขของคุณเล็กน้อย สิ่งนี้สามารถปรับปรุงกลิ่นและความน่ารับประทานได้
  • ลองอาหารกระป๋องมากกว่าอาหารแห้ง สุนัขจำนวนมากชอบอาหารกระป๋องมากกว่าอาหารเม็ด
  • ให้อาหารมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อตลอดทั้งวัน

หากสุนัขของคุณไม่ยอมเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะ ให้พูดคุยกับสัตวแพทย์ว่าคุณควรเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันปลา หรืออาหารเสริมอื่นๆ ในอาหารที่เขาจะกินหรือไม่

ภาพ
ภาพ

ดร.เจนนิเฟอร์ โคทส์